ไทยติดโควิด ดับนิวไฮ 115 ราย ครองเตียง 27. 7% 'หมอโอภาส' เผยยังรองรับได้ ยุคเดลต้า พบป่วยหนัก-ใส่เครื่องช่วยหายใจเยอะกว่า เมื่อวันที่ 14 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค. )
บทความว่าด้วย ลักษณะประชากรไทย กล่าวถึง ชนชาติ เชื้อชาติ ศาสนา ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องด้วยประชาชนที่อาศัยอยู่ใน ประเทศไทย สถิติจำนวนประชากรไทยนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแหล่งอ้างอิงและวิธีการเก็บข้อมูล แต่โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่เกือบ 65 ล้านคน ถึง 67 ล้านคน คิดเป็นอันดับที่ 4 ในกลุ่มประเทศ อาเซียน รองจาก อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม ข้อมูลทั้งหลาย อาทิ 65, 124, 716 คน (ตามประกาศสำนักทะเบียน กรมการปกครอง ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ. ศ. 2557) [1] 65, 926, 261 คน * (ตามสำมะโนประชากรและเคหะ พ. 2553 สำนักงานสถิติแห่งชาติ ณ วันที่ 1 กันยายน พ. 2553) [2] 67, 010, 502 คน * (ประมาณการประชากร ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ. 2556 โดย สหประชาชาติ) [3] 67, 741, 401 คน * (ประมาณการประชากร ณ เดือนกรกฎาคม พ. 2557 โดย หน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา) [4] * หมายเหตุ: นับคนไทยที่อยู่ในประเทศไทย คนไทยที่ออกนอกประเทศชั่วคราว และคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยเกิน 3 เดือน และจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ [2] ซึ่งจะมีการจัดทำสำมะโนประชากรและเคหะ ทุก 10 ปี ตามข้อเสนอแนะขององค์การสหประชาชาติ ประเทศไทยมีประชากร 65, 479, 453 คน แบ่งเป็น ประชากรหญิง 33.
4 ล้านคน (ร้อยละ 51. 0) และชาย 32. 1 ล้านคน (ร้อยละ 49. 0) หรือคิดเป็นอัตราส่วนเพศ ชาย 96. 2 คนต่อหญิง 100 คน เป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย 62. 3 ล้านคน (ร้อยละ 95. 1) และผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยอีก 3. 2 ล้านคน (ร้อยละ 4. 9) ทั้งนี้ทั้งนั้น จากข้อมูลโดย สหประชาชาติ ประเทศไทยเป็นประเทศลำดับที่สามในทวีปเอเชียที่โครงสร้างประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (รองจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้) โดยคาดหมายว่าสัดส่วนประชากรวัยทำงาน (อายุ 15 - 64 ปี) ของประเทศไทยจะถึงจุดสูงสุดในปี ค. 2017 คืออยู่ที่ร้อยละ 72 ของประชากรทั้งหมด และจะลดต่ำลงต่ำกว่าร้อยละ 60 ของประชากรก่อนปี ค. 2050 ในขณะเดียวจำนวนประชากรผู้สูงอายุ (มากกว่า 65 ปีขึ้นไป) จากอยู่ที่อัตราร้อยละ 8. 9 ของประชากรทั้งหมดในปี ค. 2010 จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 19. 5 ของประชากรทั้งหมดในปี ค. 2030 ซึ่งจะส่งผลต่อจำนวนประชากรไทยในอนาคตที่คาดว่าจะลดลงและความสามารถในการพัฒนาประเทศในที่สุด
#(1) 1 ใน 2 หรือครึ่งหนึ่ง ของประชากรวัยแรงงานทั้งประเทศ คือคนเรียนจบปริญญาตรี...... เดิมทีในอดีตนั้น ประเทศไทยนั้นมีคนเรียนต่อระดับปริญญาตรีกันน้อยมากๆ จนกระทั่งปี 2542 กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ. ) ได้กำเนิดขึ้น ทำให้สถิติจำนวนคนเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมหาศาลอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ประเทศไทย มีคนจบปริญญาล้นตลาดแรงงานมาถึงทุกวันนี้ #(2. ) ผู้หญิงไทย ทั้งในสังคมเมืองและชนบท จะแต่งงานมีลูกกันช้าลงมากขึ้น ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป....... ย้อนดูข้อมูลรายงานสถิติประจำปี พบว่า - ปี 2533 มีจำนวนหญิงคลอดบุตรอายุระหว่าง 15-24 ปี รวมทั้งสิ้น 453, 627 คน - ปี 2553 มีจำนวนหญิงคลอดบุตรอายุระหว่าง 15-24 ปี รวมทั้งสิ้น 301, 019 คน - จนปี 2563 มีจำนวนหญิงคลอดบุตรอายุระหว่าง 15-24 ปี ลดลงเหลือเพียง 180, 255 คน #(3. ) โรงเรียนประถม/มัธยมขนาดเล็ก-กลาง และมหาวิทยาลัยระดับทั่วไปทั้งของรัฐและเอกชน มีโอกาสยุบปิดตัวลงหลายแห่ง...... เนื่องจากปัจจุบันนี้ ประเทศไทยมีจำนวนประชากรเกิดใหม่ลดลงเรื่อยๆ จึงมีผลทำให้มีจำนวนนักเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ หลายแห่งมีคนเข้าเรียนน้อยลงเรื่อยๆจนต้องยุบปิดตัวลงในที่สุด อนาคต สถานศึกษาที่จะอยู่รอดไปได้ก็จะมีแต่เฉพาะโรงเรียนรัฐประจำอำเภอ/จังหวัดหรือโรงเรียนเอกชน กับมหาวิทยาลัยรัฐชั้นนำของประเทศ เช่น จุฬา ธรรมศาสตร์ มหิดล ฯลฯ #(4. )
9% ของประชากรทั้งหมดในปี 2553 จะเพิ่มขึ้นเป็น 19. 5% ของประชากรภายในปี 2573 คาดว่าประชากรไทยในอนาคตจะลดลง และส่งผลเสียต่อความต้องการแรงงานในที่สุด ข้อมูลมากกว่านี้ 2 พฤศจิกายน ประเทศไทยมีประชากรครบ 60 ล้านคน 2 พฤศจิกายน 2539 ประเทศไทยมีประชากร 60 ล้านคน เมื่อเวลาประมาณ 9. ตามข้อมูลของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ประชากร สถิติประชากรของประเทศไทยแตกต่างกันไปตามแหล่งอ้างอิงและวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล แต่โดยเฉลี่ยแล้วมีประมาณ 66-67 ล้านคน รั้งอันดับ 4 ในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม 65, 981, 659 คน* (จากสำมะโนประชากรและเคหะ พ.
มีประสบการณ์ที่สามารถเพิ่มเตียงในการดูแลผู้ป่วยได้ ซึ่งตอนนี้เราเน้นการดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและแดง ดังนั้น การดูแลกลุ่มสีเขียวเดิมค่อนข้างเยอะ แต่ตอนนี้ก็ลดลงมาก จึงเชื่อว่าจะรับมือกับสถานการณ์ได้ และเราก็มียารักษาใหม่ๆ มากขึ้น" นพ. โอภาสกล่าว
20% ของประชากรไทยทั้งประเทศ คือคนที่นับถือศาสนาอิสลาม...... เนื่องจากคนไทยพุทธรุ่นใหม่ มีลูกน้อยลงหรือมีลูก 1-2 คนต่อครอบครัว หรือไม่มีลูกเลย ก็มากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีแนวโน้มคนไทยพุทธจะลดลงไปมากที่สุด ในขณะที่คนไทยอิสลาม โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนใต้ นิยมมีลูกมากๆ และมีอัตราการเกิดสูงอยู่มากๆ จึงมีแนวโน้มว่า คนไทยอิสลาม จะมีอัตราที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง
โฆษกรัฐบาล เผย ครม. เห็นชอบโครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย ระยะที่ 2 ปี 2565-2570 จำนวน 13, 318 คน กรอบวงเงิน 50, 608. 40 ล้านบาท วันนี้ (5 เม. ย. ) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงคณะรัฐมนตรี วันนี้ (5 เมษายน 2565) มีมติเห็นชอบการดำเนินโครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทยระยะที่ 2 พ. ศ. 2565-2570 ภายใต้กรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น 50, 608. 40 ล้านบาท เพื่อผลิตแพทย์จำนวน 13, 318 คน โดยผูกพันจนนักศึกษาแพทย์รุ่นสุดท้ายจบการศึกษาในปี 76 ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการผลิตแพทย์เพิ่มระยะที่ 1 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 26 มี. ค. 62 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์และการกระจายแพทย์ ตลอดจนขยายศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ส่งเสริมไทยเป็น Medical Hub เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและหารายได้ให้กับประเทศ ทั้งนี้ โครงการผลิตแพทย์เพิ่มระยะที่ 2 จะเน้นการพัฒนาหลักสูตรโดยใช้ชุมชนเป็นฐานการผลิต ตั้งเป้าหมายอัตราแพทย์ต่อประชากรในภาพรวม 1:1, 200 ภายในปีการศึกษา 2576 เมื่อนักศึกษาแพทย์ที่ผลิตเพิ่มรุ่นสุดท้ายสำเร็จการศึกษา ซึ่งในช่วงปี 65-70 จะต้องมีการผลิตแพทย์เพิ่ม 13, 318 คน ผ่านสถาบันในสังกัด อว.