หลายท่านที่กำลังเลือกซื้อบ้านอาจเกิดความสับสนในเรื่องแบบบ้านใช่มั้ยคะ ไหนจะทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านเดี่ยวก็มีรูปแบบให้เลือกมากมาย โดยในบทความนี้เราจะพูดถึงบ้านแฝดและประเภทของบ้านแฝดกันค่ะ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อบ้านให้ตรงกับความต้องการและการใช้งานนั่นเอง ทำความรู้จักกับกฎหมายบ้านแฝดกันก่อน " บ้านแฝด " ตามข้อบัญญัติทางกฎหมาย ซึ่งฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือกฎกระทรวงฉบับที่ 55 (พ. ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (พ. 2522) ให้คำจำกัดความไว้ว่า "บ้านแฝดหมายถึงอาคารที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยก่อสร้างติดกันสองบ้าน มีผนังแบ่งอาคารเป็นบ้าน มีที่ว่างระหว่างรั้วหรือแนวเขตที่ดินติดกับตัวอาคารด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้างของแต่ละบ้าน และมีทางเข้าออกของแต่ละบ้านแยกจากกันเป็นสัดส่วน โดยมีขนาดที่ดินไม่น้อยกว่า 35 ตร. ว. " นอกจากนี้ยังมีคำจำกัดความในหมวด 3 (ที่ว่างภายนอกอาคาร) ข้อ 37 "บ้านแฝดต้องมีที่ว่างด้านหน้าและด้านหลังระหว่างรั้วหรือแนวเขตที่ดินกับแนวผนังอาคารกว้างไม่น้อยกว่า 3 เมตร และ 2 เมตร ตามลำดับ และมีที่ว่างด้านข้างกว้างไม่น้อยกว่า 2 เมตร" อ่านเรื่องกฎหมายบ้านแฝดเพิ่มเติมกับบทความ: สร้างบ้านแฝด ผนังไม่ติดกันเป็นไรหรือเปล่า?
ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 611 ล้านบาท เติบโต 654. 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หากไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง กำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 646 ล้านบาท เติบโต 25. 2% เทียบจากไตรมาสที่แล้ว แต่ลดลง 5. 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม (SPP) มีการเติบโตดีมาก ทำให้ยังมีกำไรแข็งแกร่งแม้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามเริ่มบันทึกดอกเบี้ยจ่ายหลังสิ้นสุดระยะเวลาเครดิตตามสัญญาด้านวิศวกรรมจัดหาอุปกรณ์และก่อสร้าง (EPC) และมีการลดปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าชั่วคราวอันมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่อัตรากำไร EBITDA เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 31. 5% จากการขยายธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องมีปริมาณการซื้อไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 6. 5% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 5. 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนสร้างสถิติใหม่ที่ 814 กิกะวัตต์-ชั่วโมง อันเกิดจากการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้ารายใหม่ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 10. 3 เมกะวัตต์และการเติบโตจากทุกกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมหลัก โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์, กลุ่มก๊าซอุตสาหกรรม และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน โดยประเมินว่าปริมาณการซื้อไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมจะเติบโตประมาณ 10-15% ในปีนี้ นอกจากนี้ มีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตหลังการปรับปรุงเครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันก๊าซของโครงการโรงไฟฟ้า ABPR 1 และ ABPR 2 ในช่วงเดือนมิถุนายน - ตุลาคม 2563 รวมถึงผลจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 17.