ศ. 1200-1650) ยุคนี้เป็นยุคแรก วิวัฒนาการมาเรื่อยๆ จนมีแบบฉบับและหลักวิชการดนตรีขึ้น วงดนตรีอาชีพตามโบสถ์ ตามบ้านเจ้านาย และมีโรงเรียนสอนดนตรี Baroque Period ( ค. 1650-1750) ยุคนี้วิชาดนตรีได้เป็นปึกแผ่น มีแบบแผนการเจริญด้านนาฏดุริยางค์ มีมากขึ้น มีโรงเรียนสอนเกี่ยวกับอุปรากร (โอเปร่า) เกิดขึ้น มีนักดนตรีเอกของโลก 2 ท่านคือ J. S. Bach และ G. H. Handen Classical Period ( ค. 1750-1820) ยุคนี้เป็นยุคที่ดนตรีเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่ มีความรุ่งเรืองมากขึ้น มีนักดนตรีเอก 3 ท่านคือ Haydn Gluck และ Mozart Romantic Period ( ค. 1820-1900) ยุคนี้มีการใช้เสียงดนตรีที่เน้นถึงอารมณ์อย่างเด่นชัดเป็นยุคที่ดนตรีเจริญถึงขีดสุด เรียกว่ายุคทองของดนตรี นักดนตรีเช่น Beetoven และคนอื่นอีกมากมาย Period ( ค.
เส้นน้อย (Leger Lines) เส้นน้อย คือ เส้นสั้นๆ ที่อยู่ต่ำกว่าหรือสูงกว่าบรรทัดห้าเส้น มีระยะห่างเท่ากับบรรทัดห้าเส้นโน้ตที่อยู่ต่ำหรือสูงมากๆ จะต้องอาศัยเส้นน้อยตามลำดับ เช่นโน้ตที่คาบเส้นจะเรียงลำดับกับโน้ตที่อยู่ในช่องถ้าหากเส้นน้อยมีมากกว่าสามเส้น ควรใช้วิธีการเปลี่ยนกุญแจประจำหลักหรือใช้เครื่องหมายคู่แปดช่วย เพื่อให้สะดวกต่อการอ่าน 6. กุญแจ (Clef) กุญแจ คือ สัญลักษณ์ทางดนตรีที่บันทึกไว้ที่บรรทัดห้าเส้น เพื่อกำหนดระดับเสียงโน้ตที่อยู่ในช่องและอยู่บนเส้นของบรรทัดห้าเส้น กุญแจที่ใช้ในปัจจุบันมี 3 แบบ ดังนี้ 6. 1 กุญแจซอล หรือกุญแจ G (G clef) คือ กุญแจที่กำหนดให้โน้ตซอล (G) อยู่บรรทัดเส้นที่ 2 กุญแจชนิดนี้นิยมมากในกลุ่มนักดนตรี นักร้อง ใช้กับเครื่องดนตรีที่นิยมทั่วไป เช่น กีตาร์ ไวโอลิน ทรัมเป็ต ฯลฯ 6. 2 กุญแจฟา หรือกุญแจ F (F clef) คือ กุญแจที่กำหนดให้โน้ตฟา (F) อยู่บนเส้นที่ 4 กุญแจชนิดนี้นิยมใช้กับเสียงร้องหรือเครื่องดนตรีที่มีเสียงต่ำ เช่น เชลโล เบส ทรอมโบน ฯลฯ 6. 3 กุญแจโด หรือกุญแจ C (C clef) คือ กุญแจที่กำหนดให้เสียงโด (C) อยู่บนเส้นใดก็ได้ของบรรทัดห้าเส้น ให้เป็นเสียงโดกลาง กุญแจโดอัลโต กุญแจโดเทเนอร์ 7.
3 Homophonic Texture เป็นลักษณะพื้นผิวของเสียง ที่ประสานด้วยแนวทำนองแนวเดียว โดยมี กลุ่มเสียง (Chords) ทำหน้าที่สนับสนุนในคีตนิพนธ์ประเภทนี้ แนวทำนองมักจะเคลื่อนที่ในระดับเสียงสูงที่สุดในบรรดากลุ่มเสียงด้วยกัน ในบางโอกาสแนวทำนองอาจจะเคลื่อนที่ในระดับเสียงต่ำได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าคีตนิพนธ์ประเภทนี้จะมีแนวทำนองที่เด่นเพียงทำนองเดียวก็ตาม แต่กลุ่มเสียง (Chords) ที่ทำหน้าที่สนับสนุนนั้น มีความสำคัญที่ไม่น้อยไปกว่าแนวทำนอง การเคลื่อนที่ของแนวทำนองจะเคลื่อนไปในแนวนอน ในขณะที่กลุ่มเสียงสนับสนุนจะเคลื่อนไปในแนวตั้ง 4. 4 Heterophonic Texture เป็นรูปแบบของแนวเสียงที่มีทำนองหลายทำนอง แต่ละแนวมีความสำคัญเท่ากันทุกแนว คำว่า Heteros เป็นภาษากรีก หมายถึงแตกต่างหลากหลาย ลักษณะการผสมผสานของแนวทำนองในลักษณะนี้ เป็นรูปแบบการประสานเสียง 5.
วิวัฒนาการของดนตรีสากลแบ่งตามยุคสมัยได้ดังนี้ 1. ยุคกลาง มีช่วงระยะเวลายาวนานถึง 450 ปี แบ่งเพลงออกได้สองแบบ คือ เพื่อความบันเทิง และเพลงเกี่ยวกับศาสนา ซึ่งเพลงเกี่ยวกับศาสนายังมีทำนองเดียว แต่ยุคนี้เริ่มมีเสียงประสานอย่างง่ายที่เรียกว่า ออกานุม ขึ้นมา ในสมัยนี้นิยมเพลงร้องในพิธีเรียกว่า โมเท็ต และเพลงศาสนาเรียกว่า แมส โดยโมเท็ตจะมีท่วงทำนองที่สั้นกว่า โดยทั้งสองเพลงมีเนื้อร้องเป็นภาษาละติน เป็นที่นิยมมากในประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี ยุคนี้เริ่มมีการบันทึกดนตรีในระบบโน้ตสากลแล้วโดยพระชาวอิตาลี ชื่อ กวิโด ดาเรซโซ ซึ่งเป็นต้นแบบของโน้ตตามที่เราใช้เรียนอยู่ในยุคปัจจุบัน และเริ่มใช้เครื่องดนตรีประเภท ลูต หรือ ซึง คลอตามเสียงร้อง 2. ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ยุคนี้เป็นยุคทองของการขับร้องประสานเสียง ซึ่งนิยมขับร้องประสานแบบสี่แนว หรือ สี่กลุ่ม โดยแบ่งเป็น กลุ่มเสียงผู้หญิง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเสียงโซปราโน (เสียงสูงสุด) กับกลุ่มเสียงอัลโต (เสียงต่ำของผู้หญิง) และกลุ่มเสียงของผู้ชาย มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเสียงเทเนอร์ (เสียงสูงผู้ชาย) กับกลุ่มเสียงเบส (เสียงต่ำผู้ชาย) เพลงที่ไม่เกี่ยวกับศาสนาในยุคนี้คือเพลงแมดริกัน ซึ่งใช้ภษาแต่ละชาติ(ไม่ใช่ภาษาละติน) เป็นเนื้อร้อง และมีเนื้อร้องเกี่ยวกับความรักและสรรเสริญบุคคลสำคัญ 3.
ศ.
รายละเอียดเนื้อหาดนตรีชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 บทที่ 1 พื้นฐานงานดนตรี 111111 11. 1 ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นงานงานดนตรี 1111111111 1. 1. 1 ดนตรีไทย 1111111111111111 1) ยุคสมัยของดนตรีไทย 1111111111111111 2) ประเภทของเครื่องดนตรีไทย 1111111111111111 3) ลักษณะวงดนตรีไทย 1111111111111111 4) ศัพท์สังคีตดนตรีไทย 11111111111 1. 2 ดนตรีสากล 1111111111111111 1) องค์ประกอบทางดนตรีสากลเบื้องต้น 1111111111111111 2) โน้ตสากลเบื้องต้น 1111111111111111 3) ประเภทของวงดนตรีในวัฒนธรรมต่าง ๆ 1111111111111111111 3. 1) วงดนนตรีไทย 1111111111111111111 3. 2) วงดนตรีพื้นเมือง 1111111111111111111 3. 3) วงดนตรีสากล 1111111111111111 4) ศัพท์สังคีต บทที่ 2 สร้างสรรค์งานดนตรี 1111111 2. 1 การร้องเพลงประสานเสียง บทที่ 3 สุนทรียภาพทางดนตรี 1111111 3. 1 คุณค่าการฟังและการอนุรักษ์เครื่องดนตรี 1111111111 1) สุนทรียภาพทางดนตรี 1111111111 2) การอนุรักษ์ดนตรี
แอพแชร์โน้ตสรุป Clearnote มีโน้ตสรุปมากกว่า 300, 000 เล่ม ทั้งระดับ ม. ต้น ม. ปลาย และมหาวิทยาลัย ให้โน้ตสรุปจาก Clearnote เป็นตัวช่วยในการเรียน ไม่ว่าจะเตรียมสอบที่โรงเรียน หรือสอบเข้ามหาลัย และยังสามารถถามคำถามเกี่ยวกับการเรียนได้ที่ Q&A อีกด้วย
ยุคสมัยของดนตรีสากล ดนตรีสากลมีการกำเนิดขึ้นมาช้านานเริ่มตั้งแต่การนำดนตรีมาใช้ในการบวงสรวงบูชาเทพเจ้า ต่อมาพัฒนาทางด้านดนตรีขึ้นโดยการเป่าใบไม้ เป้าเขาสัตว์ ดีดเถาวัลย์ดีดคันธนู ทำให้เกิดเป็นเครื่องดนตรีประเภทดีด สี ตี และเป่า แบ่งออกเป็น 7 ยุคดังนี้ 1. ยุคกลาง มีการปรับปรุงเพลงที่ใช้ร้องทางศาสนาโดยจัดแนวร้องเพิ่มขึ้นอีกแนวหนึ่ง เพิ่มความหนักแน่นในการร้องและเพิ่มความไพเราะให้กับทำนองเพลง เป็นการเริ่มการร้องเพลงแบบภาษาเสียง 2 แนว มีลักษณะดังนี้ 2. ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา เราศตวรรษที่16 ยุโรปฟื้นตัวจากสภาวะเศรษฐกิจประชาชนหันมาใส่ใจศิลปะและดนตรีมากขึ้น มีการร้องแบบประสานเสียงสมบูรณ์ขึ้นและนิยมร้องเพลงสวด 3. ยุคบาโรก ยุคบาโรกคศ 1, 600 ถึง 1750 คำว่าบาโรกเป็นคำที่ใช้กับศิลปะทุกแขนงหมายถึงลักษณะที่สง่างามลักษณะเช่นนี้เริ่มต้นที่ประเทศอิตาลีและแพร่หลายไปทั่วยุโรปดนตรียุคบาโรกเริ่มต้นในปลายศตวรรษที่ 16 จนถึงศตวรรษที่ 18 ประมาณ 150 ปีเป็นเวลาที่ยาวนานจึงมีการดนตรีที่มีพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาซึ่งแตกต่างกว่ายุคอื่นมากทางด้าเครื่องดนตรี คีตกวี และคีตลักษณ์