2 กิโลเมตรต่อวินาที วัตถุจะไม่หวนกลับคืนอีกแล้ว แต่จะเดินทางออกสู่ห้วงอวกาศ (E) เราเรียกความเร็วนี้ว่า "ความเร็วหลุดพ้น" (escape speed) และนี่คือหลักการส่งยานอวกาศไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่น
นักบินอวกาศขณะปฏิบัติหน้าที่นอกสถานีอวกาศ ISS Credit: NASA มนุษย์เริ่มออกเดินทางสำรวจอวกาศตั้งแต่ปี ค. ศ. 1950 ในการสำรวจอวกาศจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีหลายอย่าง เช่น จรวด หุ่นยนต์สำรวจ และสถานีอวกาศ ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านั้นจำเป็นต้องใช้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ขั้นสูงและความร่วมมือระหว่างประเทศ ในบางครั้งเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะมีความก้าวหน้าอย่างมากแต่มนุษย์ยังเดินทางไปได้ไกลสุดเพียงแค่ดวงจันทร์ในภารกิจอะพอลโลซึ่งดำเนินการในปี ค. 1960 และ ค. 1970 อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี ค.
การสำรวจอวกาศเริ่มต้นมานานตั้งแต่สมัยโบราณชาวมายาได้วาดภาพปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ต่างๆ ชาวอียิปต์โบราณได้สร้างพีระมิดที่ชี้ถึงดวงดาวต่างๆ ที่ ประเทศอังกฤษ มีการสร้างสโตนเฮจซึ่งคาดการณ์ว่า สร้างขึ้นเพื่อบอกตำแหน่งของดวงอาทิตย์และมีการเสนอข้อมูลของดวงอาทิตย์ขึ้นมาได้แก่ ดวงอาทิตย์เป็นลูกไฟกลมดวงหนึ่ง และมีการเสนอ แนวคิดที่ว่าดวงอาทิตย์หมุนรอบโลกและแนวคิดของ นิโคลัส โคเปอร์นิคัส ที่เสนอว่าความจริงแล้วโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์และมีการประดิษฐ์ กล้องโทรทรรศน์ สำหรับสังเกตการณ์วัตถุท้องฟ้าต่างๆและไขปริศนาต่างๆของวัตถุท้องฟ้าได้ แต่เพิ่งจะมีการเดินทางไปสู่อวกาศสำเร็จเป็นครั้งแรกและจริงจัง ในปีค. ศ. 1957หรือเมื่อ59ปีที่ผ่านมานี้เอง วันที่ 4 ตุลาคม ค. 1957 สหภาพโซเวียตได้สร้างดาวเทียมดวงแรกของโลกชื่อว่า"สปุตนิก1"และโซเวียตได้ส่งมันสู่อวกาศเป็นครั้งแรก วันที่ 3 พฤศจิกายน ค. 1957 สหภาพโซเวียตได้ประดิษฐ์ดาวเทียมที่ชื่อว่า"สปุตนิก2"พร้อมกับได้ส่งสุนัขชื่อ" ไลก้า "ไปพร้อมกับดาวเทียมด้วย ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดแรกของโลกที่ขึ้นสู่อวกาศเป็นครั้งแรก วันที่ 2 มกราคม ค. 1959 สหภาพโซเวียตได้ประดิษฐ์ดาวเทียม"ลูน่า1"และได้ส่งมันขึ้นสู่อวกาศเพื่อให้มันเข้าพุ่งชนพื้นผิวดวงจันทร์ และนำข้อมูลของพื้นผิวดวงจันทร์กลับมายังโลกแต่ประสบความล้มเหลวเนื่องจากดาวเทียมลูน่า1ได้หลุดไปโคจรรอบดวงอาทิตย์แทน วันที่ 14 กันยายน ค.